-

***

23 เม.ย. 2555

คนรักที่ใช่ เมื่อไหร่จะมา


จริง ๆ แล้ว  ฉันว่าเราไม่ต้องไปเกร็งกับการหาความรักมากขนาดนั้นก็ได้

บางทีแค่เราใช้ชีวิตไปตามธรรมชาติ

ไม่ต้องปรุงแต่งให้วุ่นวาย

ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะทำให้ใครมารักเราหรือไม่

สุดท้ายความเป็นตัวคุณคเองนั่นแหล่ะ

ที่จะทำให้สมองส่วนที่ควบคุมไม่ได้ของใครหลายคน

สั่งการให้รักคุณอย่างที่เขาไม่ทันตั้งตัว

เพราะบางทีแค่เราเป็นในแบบที่เราเป็น

ก็มีคนมาหลงรักมากมายแล้ว

เรื่องเดิม เดิม....

<embed allowscriptaccess="never" src="http://6.mms.blog.xuite.net/6/9/9/a/22874090/blog_1737565/dv/48296695/48296695_0.swf" width="450" height="400" type="application/x-shockwave-flash" Wmode="transparent"></embed>




มีคนเคยบอกว่า..................................................

ชีวิตคือการเดินทาง ที่ต้องเรียนรู้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด

แต่ละ..วันเราก้าวไปบนเส้นทาง ที่เราเลือกที่จะเดินและเลือกที่จะเป็น

โดยไม่รู้วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร คงไม่มีใครอยากให้มันผิดพลาด

อยากให้หนทางของเรานั้น สวยงามไปในแบบที่เราคิด

บางวัน.. เราก้าวเดินอย่างรวดเร็ว เร็วโดยแถบจะวิ่งด้วยความเชื่อมั่น

บางวัน... ใจดวงเดิมของเรามันก็กลับฝ่อ เราแถบจะหยุดนิ่งหมดแรง

ไม่เข้าใจกับหลายๆ สิ่งที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้

บางวัน....  เราต้องเดินช้าลงสักนิด เพื่อจะได้มีเวลาคิดทบทวน

หรือชื่นชมทิวทัศน์ข้างทางบ้าง จนบางทีก็มารู้ตัวว่า เราอาจจะไปผิดทางด้วยซ้ำ

หรือสงสัยว่า ตัวเองกำลังหลงทางอยู่หรือเปล่า

แต่นั่น....     ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ได้เจอกับทางออก

เพราะอย่างน้อย..... เราก็ได้ลองไปในที่ที่ไม่เคยไป

หรือเราอาจจะกำลังไปในที่ที่ไกลกว่าเดิมก็ได้

หากชีวิต........คือการเดินทางจริง ๆ เมื่อมีเริ่มต้น   ก็ต้องมีจุดหมายปลายทาง

และมีทางออกให้กับทุกเส้นทางเสมอ ให้เวลากับมันทั้งหมด

แล้วมันจะพาเราไปเจอกับเรื่องใหม่ ๆ

และในบางครั้ง หนทางจะพาเราย้อนกลับมาเจอเรื่องเดิม ๆ

อย่างนี้หนีไม่พ้น เราอาจจะต้องหัวเราะและร้องไห้อีกซักกี่ครั้ง

ก็ไม่เป็นไรหรอก  เพราะทุกคน ขณะที่ผ่านไป เรากำลังได้บทเรียนเพิ่มขึ้นมา

และจงทำความรู้จัก กับความรู้สึกตัวเองให้มากขึ้น
ให้ตัวเองได้ลองทำ แล้วทุกท่านก็จะผ่านไปได้ด้วยดี

21 เม.ย. 2555

พระอาทิตขึ้นทางทิศตะวันออก ตกทางทิศตะวันตก





พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ตกทางทิศตะวันตก ...

ใครก็รู้ เช้าวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งก้าวออกไปยืนอยู่บื้องหน้าดวงอาทิตย์ แล้วเอ่ยขึ้นว่า..

"ดาวดวงใหญ่เอ๋ย เจ้าจะเป็นสุขได้อย่างไร หากไม่มีใครมารับแสงสว่างจากเจ้าเลย หลายปีที่เจ้าส่องสว่างมาสู่เรื่อนชานของฉัน นกอินทรียของฉัน และงูพิษของฉัน หากเจ้ามิได้ส่องแสงให้พวกเรา เจ้าคงต้องเหนื่อยล้าต่อภารกิจส่องแสง และการดินทางของเจ้า"

ชายผู้นี้เข้าใจว่า เพราะมีตัวเขาและสรรพสัตว์เหล่านั้น การส่องแสงของพระอาทิตย์จึงมีความหมาย เที่ยงวันหนึ่ง ชายอีกคนหนึ่งก้าวออกไปยืนอยู่เบื้องหน้าดวงอาทิตย์ แล้วเอ่ยขึ้นว่า..

 "ดาวดวงใหญ่เอ๋ย เจ้าจะเป็นสุขได้อย่างไร หากแสงสว่างที่เจ้าส่องลงมา ไม่เพียงพอจะขับไล่ความมืดมิดในโลกนี้เสียแล้ว" บ่ายวันหนึ่ง ชายคนที่สามจุดโคมไฟดวงใหญ่ ออกไปยืนอยู่เบื้องหน้าพระอาทิตย์กลางวันแสก ๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า..

 "ดาวดวงใหญ่เอ๋ย ดูสิ ฉันต้องจุดโคมใหญ่ขึ้นอีกดวง ประหนึ่งประท้วงต่อจักรวาล ว่าแม้พระอาทิตย์กำลังส่องแสง แต่โลกก็มิดมืดเสื่อมทราม เกินกว่าใครจะเยียวยาได้แล้ว"

ค่ำคืนหนึ่ง ชายคนที่สี่จุดตะเกียงดวงเล็ก ถือออกไปยืนอยู่ท่ามกลางความมืด แล้วเอ่ยขึ้นว่า..

 "แม้แสงเพียงน้อยนิดจากตะเกียงเล็ก ๆ ของฉัน จะไม่อาจขับไล่ความมืดในโลกได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อย มันก็คงพอส่องทางให้ตัวฉันเดินต่อไป ในหนทางที่ถูกต้องได้ อย่างน้อยคงไม่ต้องเดินเข้ารกเข้าพงไป"

กลางดึกคืนหนึ่ง ชายตาบอดคนที่ห้า จะจุดเทียนเล่มหนึ่งขึ้นในความมืด เขาเดินไปในป่า แล้วเอ่ยขึ้นกับความมืดว่า..

"ฉันไม่จำเป็นต้องจุดเทียนเพื่อขับไล่ความมืด แต่ยามค่ำคืนเช่นนี้ เทียนเล่มนี้จะช่วยให้ผู้คนได้มองเห็น ตัวตนของฉัน และไม่ต้องเผลอเดินมาชนฉันเข้า ก็เท่านั้น"

ชายทั้งห้าต่างให้ความหมายในตัวตนของตน พวกเขาต่างถกเถียงกันเรื่องคุณค่าของผู้คน กับสาระต่อความมืดและความสว่าง อย่างเอาเป็นเอาตาย พวกเขาต่อยดี ฆ่าฟัน ทำสงครามล้างเผ่าพันธุ์ กระทั่งต่างล้มตายสูยพันธุ์ จากโลกนี้ไปจนหมดสิ้น

แม้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด พระอาทิตย์ยังคงขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตก พระอาทิตย์ขึ้นเมื่อถึงเวลาขึ้น ตกเมื่อถึงเวลาตก ยามอาทิตย์อัสดง ขณะโลกยังคงตกอยู่ในความมืดมิดหลับใหล พระอาทิตย์ดวงเดิมลับขอบฟ้าทิศตะวันตกลงไป เพื่อมันจะได้ทำหน้าที่ส่องแสงให้ความสว่าง ณ โลกใต้สมุทรเบื้องล่าง เพื่อบ่งว่าภารกิจบางอย่างของดาวใหญ่ดวงนี้

บางทีมนุษย์เราก็ไม่มีโอกาสล่วงรู้ พระอาทิตย์ยังมีภารกิจต่อโลกใบนี้ ภารกิจที่ไม่จำเป็นต้องมีใครรู้ ที่มา หนังสือชื่อพระจันทร์พันดวง โดย ปราย พันแสง "ภารกิจที่ไม่จำเป็นต้องมีใครรู้" คงเหมือนกับเธอ.. ที่ไม่มีโอกาสล่วงรู้ ว่าเธอมีความหมายกับฉันเพียงใด ถึงแม้ฉันจะเป็นพระอาทิตย์ (สีชมพู) ก็ตาม แด่เจ้าชายสายไหม..


Moonlight is Setting / Under The Moonlight




ท่ามกลางสายลมที่พัดไหว
ฉันค่อย ๆ หลับตาลง
มันรู้สึกเหมือนเธออยู่ข้าง ๆ
ฉันเดินและมองตามความเงียบไป
ก้าวแล้วก้าวเล่าทุก ๆ วัน
แต่ฉันไม่เคยได้เข้าใกล้เธอ

แสงจันทร์อับแสง คืนเดือนมืดดำเนินในหัวใจฉัน
ช่างเหมือนกับฉันคนนี้  คนที่อาจไม่พูดอะไรได้
คิดถึงเธอเหลือเกิน  ฉันตะโกนแล้วตะโกนเล่า
มันคือความทรงจำที่บัดนี้กลายเป็นแค่เถ้าถ่านสีดำ

ความมืดมิดเริ่มจางหาย
แสงดาวดวงเล็กเริ่มสาดส่อง
ฉันตะโกนหาเธอวันละหลายครั้ง  แต่..........
ทำไม่ฉันไม่เคยได้ยินเสียงตอบกลับเลย
ยิ่งใกล้เธอ  ยิ่งห่างไกล


แสงจันทร์อับแสง คืนเดือนมืดดำเนินในหัวใจฉัน
ช่างเหมือนกับฉันคนนี้  คนที่อาจไม่พูดอะไรได้
คิดถึงเธอเหลือเกิน  ฉันตะโกนแล้วตะโกนเล่า
มันคือความทรงจำที่บัดนี้กลายเป็นแค่เถ้าถ่านสีดำ

ความเชื่อมั่นที่โง่เขล่าของฉันยิ่งมากขึ้น
ฉันเกลียดความคาดหวังที่ทวีมากขึ้น
เกลียดหัวใจที่ร้าวของฉันดวงนี้
ช่วยฉันด้วย  ช่วยฉันด้วย
ความทุกข์ที่มีกำลังจะเต็มหัวใจฉัน

แสงจันทร์อับแสง คืนเดือนมืดดำเนินในหัวใจฉัน
ช่างเหมือนกับฉันคนนี้  คนที่อาจไม่พูดอะไรได้
คิดถึงเธอเหลือเกิน  ฉันตะโกนแล้วตะโกนเล่า
ทั้งหมดเป็นแค่เถ้าถ่านสีดำ


แสงจันทร์อับแสง คืนเดือนมืดดำเนินในหัวใจฉัน
ช่างเหมือนกับฉันคนนี้  คนที่อาจไม่พูดอะไรได้
คิดถึงเธอเหลือเกิน  ฉันตะโกนแล้วตะโกนเล่า
มันคือความทรงจำที่บัดนี้กลายเป็นแค่เถ้าถ่านสีดำ

หยดน้ำตาบริสุทธิ์เริ่มไหลริน




Back In Time....



แสงจางหายไปกลับเมฆหมอก
สิ่งหนึ่งตกกระทบหน้าต่างเสียงดัง
 สิ่งนั้นก็คือความทรงจำเยือกเย็น เสียงมันดังหยดน้ำฝน
ที่สะกดหัวใจฉัน จนไม่อาจอำลา

ยิ่งแข็งกร้าวขึ้น
กับการจมอยู่กับอดึต
ไม่มีทางไหนจะย้อนเวลาได้เลยหรือ
อยากย้อนเวลากลับไปอยู่ในอ้อมกอดของเธอ
ทุกสิ่ง ณ เวลานี้ ช่างว่างเปล่า


ไปตามเส้นทางที่วกวนและเปียกปอน
หันกลับไปมองความทรงจำของเรา
กลายเป็นสายฝนทุกสิ่งพร่ามัว ฉันคิดถึงเธอ
ทุกหยดน้ำตาของฉัน มีเธออยู่ในใจ


ยิ่งแข็งกร้าวขึ้น
กับการจมอยู่กับอดึต
ไม่มีทางไหนจะย้อนเวลาได้เลยหรือ
อยากย้อนเวลากลับไปอยู่ในอ้อมกอดของเธอ
ทุกสิ่ง ณ เวลานี้ ช่างว่างเปล่า



เวลาที่เราพบกัน เวลาที่เราใช้ร่วมกัน ทั้งหมดสูญหายไปอย่างเสียดาย


ย้อนเวลากลับไปเพื่อกอดฉันไว้เถอะ
ไม่มีทางย้อนเวลาได้เลยหรือ
แม้มีทางเดียว แม้เป็นหนทางสุดท้าย
ก็ไม่หนักหนา




17 เม.ย. 2555

นิยาม คำ ว่า เพื่อน



ชีวิตก็เหมือนกับการเดินทาง ฉันคิด ฉันเข้าใจ และมั่นใจเช่นนั้น ไม่มีการเดินทางที่ไหนไปสู่จุดหมายด้วยทางสายเดียว แม้ว่าชีวิตคุณจะเรียบง่าย และอยู่ในกรอบเท่าใดก็ตาม เมื่อเราเริ่มเติบโต ชีวิตเริ่มที่จะเรียนรู้และออกเดินทาง ทางของชีวิตแต่ละคนแตกต่างกัน บ้างใกล้บ้างไกล บ้างโรยด้วยกลีบกุหลาบ และมีอีกไม่น้อยที่เต็มไปด้วยขวากหนาม เราอาจเดินทางมาเจอกันในวันหนึ่ง และเดินไปด้วยกัน เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง เราก็อาจจะจากกันตรงทางแยก แยกกันไปตามหาฝัน ตามความปรารถนาของชีวิต บางคนเกิดมาเพื่อที่จะเดินตาม ตามทางที่มีคนเดินนำไว้...

แน่นอน เส้นทางนั้นย่อมปลอดภัย ผู้คนเดินตามกันเรียงรายไกลสุดลูกหูลูกตา บางคนเกิดมาเพื่อผจญภัย ค้นหาเส้นทางใหม่ๆ ให้กับชีวิต อาจหลงเข้ารก เข้าพง พบสิ่งตื่นเต้น แปลกใหม่แต่เสี่ยงภัยมากกว่า เขาอาจแผ้วถางทางเส้นใหม่นี้ให้คนก้าวเดินตาม บนถนนสายนี้ที่เราเจอกัน ฉันยังมองไม่เห็นทางแยก แต่ฉันรู้ว่ามี เมื่อถึงทางแยกเราอาจจะเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวาไปด้วยกันก็ได้ฉันยังไม่รู้ ในชีวิตหนึ่ง ไม่มีอะไรงดงามเท่ากับการมีเพื่อน และมิตรภาพ เราไม่เดินนำ เราไม่เดินตาม เราจะเดินไปพร้อมๆกัน บนถนนสายนี้มีสะดุด มีหกล้ม มีกระแทกกันบ้าง แต่เราก็ยังคงเดินร่วมทาง หากวันหนึ่งที่เราถึงทางแยก และต้องแยกจากกันไปคนละทาง อาจจะไม่ได้พบกันอีก หรือเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่ หากคิดถึงกัน ...

ขอให้เดินกลับมาตามถนนสายนี้ ถนนแห่งมิตรภาพ ที่ถนนสายนั้นจะมีฉันยืนอยู่เสมอ ...

5 เม.ย. 2555

เปนอย่างไรบ้าง ยังมีคนเป็นห่วง.....



ฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว
ยังนอนดึกอยู่ใช่ไหม เธอผอมไปหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง

คืนที่ไร้แสงไฟ วันที่ใจมัวหม่น ขอเพียงใครสักคนห่วงใยกัน
วันที่เสียน้ำตา วันที่ฟ้าเปลี่ยนผัน เธอก็ยังมีฉันอยู่ทั้งคน

(เพราะ)ฝนที่ตก(อยู่)ทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว
เธอลำบากอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง

(เพราะ)ฝนที่ตก(อยู่)ทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว
เธอลำบากอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง

เธอยังขาดอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า
อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง เธอยังมีฉันอยู่ทั้งคน

4 เม.ย. 2555

ดอกหญ้ากับพายุ

 







เสียงฟ้าร้องคำราม สายลมก็พัดกระหน่ำ

ในพายุมืดดำที่น่าเกรงกลัวและอันตราย

ดอกไม้เล็ก ๆ ดอกหนึ่งที่คนคงมองข้ามไป

ยังคงยืนท้าทายกับสายลมแรงไม่ย่อท้อ

ฉันมองเธอ เห็นแววตา เจ้าดอกหญ้าไม่หวั่นไหวแม้ใครต่อใคร

จะรังแกให้ช้ำให้เจ็บใจ ฟังเถอะฟังอยากบอกคนดี

จากวันนี้เป็นต้นไป ฉันจะหนาว จะร้อน จะเจ็บพร้อมเธอ

เธอจะมีอีกคน ๆ นึง จับมือและยืนข้างกายไม่ให้ดอกไม้

ต้านลมอยู่ลำพัง ฉันรู้ซึ้งในใจถึงความดีงามของเธอ

ฉันมองเห็นว่าเธออ่อนล้าเพียงใดในวันมืดหม่น

จากนี้ฉันขอยืนยันขอปันเอาความทุกข์ทน ขอรับรู้ด้วยคนจะสายลมแรงแค่ไหน

ไม่ว่าทางยาวไกลเท่าใด จะไม่มีวันคืนที่เหงาใจ เหลือเลย

ไม่ให้ดอกไม้ต้านลมอยู่ลำพัง.....





 
 

อย่างน้อยเธอยังมีฉัน............



ฉันจะเก็บดาวเอาไว้ให้ ในวันที่เธออยู่ไกลแสนไกลอีกขอบฟ้า

จะเก็บความสุข จากทุก-ทุกช่วงเวลา เก็บไว้รอให้เธอกลับมา

 และรับมัน ฉันจะส่งความห่วงใยไปหา ในค่ำคืนที่เธอเหว่ว้ากับความฝัน

อย่าร้องไห้และท้อใจเมื่อไกลกัน อย่างน้อยเธอยังมีฉัน…


ที่รอคอยวันให้เธอกลับมา

จากคนหนึ่งคนไกล...




ก็แค่คนหนึ่งที่ไม่ดีเลิศ…

ไม่ได้ประเสริฐเหมือนคนอื่นคนไหน เป็นแค่คนไม่ดีที่มีแต่ความจริงใจ และมันจะมีให้เธอตลอดไปแม้ไม่ได้อะไรกลับคืน - - - - - -

แค่วันนี้คิดเพียงว่าอยากจะรัก ซึ่งเริ่มต้นได้ไม่มากนักเพราะความอ่อนไหว อยากรักให้เต็มที่แต่ก็ยังไม่มั่นใจ เพราะเธออาจมีใครที่ใจเธอนั้นต้องการ - - - - - -


งั้นขอเป็นแค่เพียงคนหนึ่ง ที่คอยแอบมองซึ้งๆ อยู่ห่างๆ ช่วยส่งความรักและกำลังใจไปกับสายลมจาง แม้มันจะเบาบางแต่จะเติมเต็มช่องว่างทุกครั้งที่เธอเหงาใจ…

ฝากฟ้า...ทะเลฝัน






เมื่อตำนานความรักเหงา – เหงา กับกลายเป็นเรื่องเล่า…

ทะเล ฟากฟ้า สิ่งทั้งสองเคยครองรักกัน…เมื่่อนานมา
แต่ด้วยความอิจฉาของพสุธา…กับแยกกัน - - - - - - - ฟากฟ้า และ ท้องทะเล…
ยังคงเป็นสีคราม แสดงออกถึงความรักที่งอกงามในใจนั้น ห่างกันสุดฟากฟ้า…
ฝั่งทะเล…ยังมั่นคงผูกพัน ” รัก ” ที่จริงใจนั้น…อย่าวัดกันที่ระยะทาง - - - - - - -
ฝั่งทะเล…คิดถึงซึ่งฟ้าไกล น้ำจะก่อระเหยเป็นไอแทนความอ้างว้าง ฟากฟ้า…
รับรู้ได้ถึงสายใยบาง – บาง สายฝนไหลมาเป็นทาง…ลบความอ้างว้างให้ทะเล - - - - - - - ถึงแม้เรื่องจริงเส้นขนาน…ไม่เคยบรรจบ แต่รักของเราไม่ติดลบ…ไม่หันเห อย่างน้อยยังเคียงคู่…ฟากฟ้า…ฝั่งทะเล แค่นิทานกล่อมเห่…แต่ มั่นคง ไม่ไขว้เขว…ดั่งใจคน



เจ้าหญิงเม็ดทราย กับ เจ้าชายพระจันทร์ ^^

 





หลับตาลงน่ะ…

คนดี คืนนี้มีนิทานจากฟากฝัน เจ้าหญิงเม็ดทราย กับ เจ้าชายพระจันทร์ เธอเคยได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้นบ้างไหม? - - - - - -

ครั้งหนึ่งในดินแดนแห่งโลกกว้าง มีผืนทะเลอ้างว้างกับฟ้าใส ทั้งสองอยู่ห่างกันเหมือนแดนฝันห่างไกล ไม่อาจอยู่ใกล้ ไม่อาจผูกพัน - - - - - -

เจ้าหญิงเม็ดทราย…ช่างเหงา แอบรัก เจ้าชายพระจันทร์เศร้า…ช่างฝัน ในค่ำคืนเงียบสงบ ทุกวัน เจ้าหญิงได้แต่มองอย่างเงียบงัน..เดียวดาย - - - - - -

ท้องทะเล ผู้อ่อนโยน จึงทอดตัวไปจนไกลโพ้น..ลับหาย จนปรากฎเส้นขอบฟ้า แสนไกล จรดฟ้ากับทะเลไว้ใกล้กัน - - - - - -

เจ้าหญิงเม็ดทรายจึงล่องไปในทะเล ร่อนเร่ไปตามแดนแห่งฝัน ไปจนถึงเส้นขอบฟ้าจรดพระจันทร์ แล้ว ณ ที่นั้นความผูกพันก็เบ่งบาน - - - - - -

เจ้าหญิงเม็ดทราย เจ้าชายพระจันทร์ อบอุ่นในคืนวันอันอ่อนหวาน และเรื่องราวที่เกิดขึ้นคือ..ตำนาน ว่าทำไมฉันจึงผ่านเข้ามา…รักเธอ


.